วิจัยใหม่ชี้ โอมิครอน BA.2 มีศักยภาพเป็นสายพันธุ์ต้องกังวล (VOC) หนีวัคซีน หนีภูมิคุ้มกันจากการติดโอมิครอน BA.1 และหนียาโมโนโคลนอลฯ ได้ รีวิวหนัง LGBT+ หญิงรักหญิง , ชายรักชาย
หลังจากที่มีรายงานว่า ประเทศไทยกำลังมีสัดส่วนการระบาดของโควิด-19 โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 สูงขึ้น อยู่ที่ราว 18.5% จนผู้เชี่ยวชาญหลายคนคาดการณ์ว่า โอมิครอน BA.2 อาจจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักของประเทศไทยแทนที่โอมิครอนเดิมหรือ BA.1 ในอนาคต
ล่าสุดยังมีข้อมูลจากงานวิจัยของต่างประเทศ 2-3 ฉบับ ที่ชี้ว่า โอมิครอน BA.2 นั้น อาจน่ากลัวและควรต้องให้ความสนใจมากกว่า BA.1 ก็เป็นได้
รุนแรงกว่า หนีวัคซีนดีกว่าเล็กน้อย หนีภูมิคุ้มกันจากโอมิครอนเดิมได้
งานวิจัยแรกจากญี่ปุ่น ระบุว่า การทดลองในหนูทดลองในห้องแล็บแสดงให้เห็นว่า โอมิครอน BA.2 มีการกลายพันธุ์สูงเมื่อเทียบกับโควิด-19 ดั้งเดิมในอู่ฮั่น นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงของยีนหลายสิบตัวที่แตกต่างจากสายพันธุ์โอมิครอนดั้งเดิม BA.1
ทีมวิจัยญี่ปุ่นระบุว่า แม้ว่า BA.2 จะถือเป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน แต่ลำดับจีโนมของมันก็แตกต่างอย่างมากจาก BA.1 โดยได้สรุปข้อมูลของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนออกมาเป็น 3 ประเด็น ดังนี้
ประเด็นแรก ในหนูทดลองที่ติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม BA.1 นั้น พบว่า BA.2 สามารถหลบหนีจากภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อโอมิครอนดั้งเดิม BA.1 ได้ 2.9 เท่า และในหนูทดลองที่ได้รับวัคซีนซึ่งสร้างขึ้นจากโปรตีนหนามของ BA.1 ก็พบว่า BA.2 สามารถหลบหนีจากภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนโอมิครอน BA.1 ได้ถึง 6.4 เท่า
นั่นหมายความว่า BA.2 มีความแตกต่างจาก BA.1 อย่างมากจริง จึงมีความเป็นไปได้ว่า วัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อรับมือโอมิครอนโดยเฉพาะอาจป้องกันได้แต่ BA.1 และมีประสิทธิภาพลดลงเมื่อเจอ BA.2 แต่ทั้งนี้ยังคงต้องมีการศึกษาระดับภูมิคุ้มกันในมนุษย์อีกทีหนึ่งเพื่อยืนยัน
ประเด็นที่สอง พบหลักฐานในเบื้องต้นว่า โอมิครอน BA.2 แสดงความสามารถในการก่อโรคและอาการเจ็บป่วยที่สูงกว่า BA.1 ในหนูทดลอง โดยปริมาณเชื้อที่พบในปอดหนูของ BA.2 นั้นรุนแรงกว่าของ BA.1 แต่แม้จะรุนแรงกว่า ก็ยังไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์อื่น ๆ ก่อนหน้านี้
No comments:
Post a Comment